วันอาทิตย์ที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2554

ลมยางสำคัญอย่างไร



ลมยางถือเป็นปัจจัยสำคัญในการขับขี่

เพราะลมมีหน้าที่ทำให้ยางคงรูปร่างสามารถยึดติดกับกระทะล้อ รับน้ำหนักบรรทุกได้ และรับแรงสั่นสะเทือนจากการกระแทกระหว่างหน้ายางและผิวถนนที่ขรุขระ สำหรับลมที่ใช้ในการเติมยางรถยนต์นั้น ได้มาจากอากาศอัดที่มาจากปั๊มลม แต่สำหรับปัจจุบันได้ปรับเปลี่ยนมาใช้แก๊สไนโตรเจนแทนการใช้ลมอัดบ้าง แต่ยังไม่ค่อยได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายมากนัก เพราะหากเลือกใช้แก๊สไนโตรเจนแทนการใช้ลมอัด ผู้ขับขี่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในการเติมแก๊ส อีกทั้งราคาของแก๊สยังมีราคาสูงอีกด้วย เมื่อเปรียบเทียบกับลมยางที่ใช้กันอยู่ทั่วไปแล้ว ค่าเติมแก๊สไนโตรเจนจึงมีราคาอยู่ที่ประมาณ 50 บาทต่อล้อ

ความดันลมต่อการใช้งานยางรถยนต์ ความดันลมภายในยางรถเป็นตัวแปรสำคัญ ที่ทำให้ยางสามารถทำงานได้อย่างปกติ โดยบริษัทผู้ผลิตยางรถยนต์จะเป็นผู้ควบคุมค่าความดันลมให้คงที่และมีความเหมาะสมกับยางรุ่นต่าง ๆ เพราะยางแต่ละชนิดเหมาะสำหรับการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นการทำให้ยางมีรูปทรงที่เหมาะสมจึงทำให้สามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน

ในกรณีที่ความดันลมยางมีปริมาณน้อยจะทำให้ยางแบน ซึ่งหมายความถึงหน้ายางจะได้รับการสัมผัสกับถนนไม่เต็มหน้า ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสียหายบริเวณไหล่ยาง ชั้นผ้าใบหรือเนื้อยางเกิดการหักชำรุดเสียหาย ทำให้มีผลต่อการขับเคลื่อน เช่น บังคับเลี้ยวได้ยาก พวงมาลัยหนัก เป็นต้น อีกทั้งทำให้การยึดเกาะถนนลดลง แต่สำหรับความดันลมยางที่มากเกินไป อาจส่งผลให้แก้มยางสูงและหน้ายางโค้งขึ้น ดอกยางสัมผัสกับผิวของถนนเฉพาะบริเวณตรงกลางหน้ายาง เป็นผลให้ตรงกลางหน้ายางมีการสึกหรอการยึดเกาะถนนทำได้น้อย รถลื่นไถลหรือเสียหลักได้ง่าย หรือยางอาจเกิดการระเบิดได้หากมีความดันลมยางในปริมาณมากเกินไป ความดันลมยางที่เหมาะสมสำหรับยางรถยนต์ทั่วไป เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 28-36 ปอนด์/ตร.นิ้ว ในรถกระบะควรมีปริมาณความดันลมยางอยู่ที่ 30-45 ปอนด์/ตร.นิ้ว (เมื่อไม่มีการบรรทุก) และประมาณ 35-65 ปอนด์/ตร.นิ้ว (เมื่อมีการบรรทุก)
ในกรณีที่ขับขี่รถยนต์ทางไกลควรเพิ่ม ความดันลมยางขึ้น 3-5 ปอนด์/ตร.นิ้ว จากระดับปกติ เพื่อลดการบิดตัวของโครงสร้างยาง อันเป็นสาเหตุทำให้ยางเกิดความร้อน

ทราบข้อมูลลมยางกันไปแล้ว อย่าลืมตรวจเช็คสภาพลมยางให้พร้อมสำหรับการใช้งานอยู่เสมอนะคะ