สภาพอากาศภายในประเทศมีอิทธิพลต่อการใช้ยาง
เพราะสภาพอากาศที่แตกต่างทำให้ยางต้องเผชิญกับสภาพถนนและอุณหภูมิที่แตกต่างกันออกไปด้วย ดังนั้นเราจึงควรเอาใจใส่ยางเป็นพิเศษ เพราะผลตอบรับที่ได้กลับมาคือ การขับขี่ที่ปลอดภัย ดังนั้นจึงควรให้ความสำคัญกับการตรวจสอบยางรถยนต์อย่างน้อย สัปดาห์ละ 1 ครั้งขั้นตอนง่าย ๆ ในการตรวจสอบยางรถยนต์
1. ตรวจสอบหน้ายางและแก้มยาง ว่าได้รับความเสียหายอย่างไรหรือไม่ เช่น รอยบาดจากของมีคม
แก้มยางมีอาการบวม ยางมีการแตกลายงา
2. แก้มยางมีการฉีกขาดไปจนถึงผ้าใบชั้นใน ควรเปลี่ยนยางใหม่ทันที เพราะแก้มยางเป็นจุดที่ยางต้องรับน้ำหนัก และมีการบิดตัวไปมาในขณะที่มีการขับขี่ อาจส่งผลให้ยางระเบิดได้ หากแก้มยางมีการฉีกขาด
3. การบวมของยางอาจมาจากสาเหตุของน้ำมัน หรือยางร่อนออกจากขอบกระทะล้อ ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการจอดรถในบริเวณที่มีคราบน้ำมัน หรือหากมีน้ำกรดหกใส่ยางรถยนต์ ควรรีบเช็ดล้างด้วยน้ำสบู่ทันที
4. ตรวจสอบสภาพของกระทะล้อและจุกวาล์วเติมลมเป็นประจำ เพราะในบางครั้งสาเหตุของยางแบนหรือรั่วซึมอาจมาจากสาเหตุของการละเลยกระทะล้อและจุกวาล์วเติมลม ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกัน ควรมีฝาปิดจุกเติมลม เพื่อป้องกันการรั่วซึมของลมยาง
5. เมื่อรถถูกลากเป็นระยะทางไกล ๆ เนื่องมาจากการรถเสีย จึงควรเพิ่มแรงดันลมยางที่ล้อหลังอีก 3-4 ปอนด์ ต่อตารางนิ้ว
6. ปัจจัยที่ทำให้ยางรถยนต์มีการสึกหรอเร็วกว่าปกติ อาจมาจากสาเหตุของการออกตัวแบบกระชาก ออกตัวอย่างรุนแรง หรือการเข้าโค้งในความเร็วสูง
7. ตรวจสอบความลึกของดอกยาง ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ซึ่งระดับที่เหมาะสมของดอกยางควรมากกว่า 2 มิลลิเมตร ปัจจุบันยางบางรุ่นมีสัญลักษณ์บ่งชี้ความลึกของดอกยาง มีลักษณะเป็นแท่งเชื่อมระหว่างดอกยางกับส่วนลึกที่สุดของร่องยาง เมื่อไหร่ที่ดอกยางสึกมาจนถึงแท่งนี้ เมื่อนั้นก็ควรเปลี่ยนยางเส้นใหม่ได้แล้ว
8. ตรวจสอบดูอายุการใช้งานของยาง เพราะยางบางเส้นหมดอายุการใช้งาน จึงทำให้สภาพของเนื้อยางมีการบวมหรือแตก
9. หมั่นตรวจดูเศษหินหรือก้อนกรวด เศษแก้วต่าง ๆ ที่เกาะติดอยู่บริเวณยางรถยนต์ เพราะสิ่งเหล่านี้อาจเบียดแทรกหรือทิ่มตำเนื้อยางทำให้เนื้อยางเกิดความเสียหายได้
อย่างไรก็ตามแม้ยางจะมีราคาค่อนข้างสูง แต่หากยางที่คุณใช้งานอยู่เสื่อมสภาพการใช้งานไปแล้ว ก็ควรเปลี่ยนยางเส้นใหม่ เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น